แร่ธาตุชนิดหนึ่งที่สามารถช่วยได้นั่นคือ ไนตริกออกไซด์ ช่วยทำให้หลอดเลือดในการร่างของเรามีความยืดหยุ่นเพิ่มมากขึ้น ทั้งขยายตัวและหดตัว ตามสภาวะในร่างกายในแต่ช่วง หากเราต้องการออกซิเจนเพิ่มมากขึ้นหลอดเลือดก็จะขยายตัว ทำให้เลือดพาออกซิเจนไปพร้อมกับเลือดไปเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ได้เพียงพอ
แหล่งไนตริกออกไซด์จากธรรมชาติ
หลายคนคงรู้จักผักประเภทหัวชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่าบีทรูท หรือ หัวบีท ซึ่งเป็นผักที่มีสารไนเตรทอยู่ในอันดับต้น ๆ และเมื่อเข้าสู่ร่างกายของเราจะถูกเปลี่ยนไปเป็น ไนตริกออกไซด์ (Nitric oxide) มีการศึกษาพบว่าสามารถขยายหลอดเลือด ทำให้เลือดหมุนเวียนดีขึ้น สามารถเพิ่มออกซิเจนได้ถึง 4 เท่า หรือ 400% เลยทีเดียว
เรามารู้จักบีทรูท กันสักนิด
เป็นพืชพื้นเมืองในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ปัจจุบันได้มีการปลูกแพร่หลายไปทั่วโลก ในประเทศไทยปลูกได้ตลอดทั้งปีในเขตอากาศค่อนข้างหนาว เช่น ภาคเหนือ หรือ ปลูกในช่วงฤดูฝน ตามพื้นที่ราบทั่วไป
ส่วนประกอบที่สำคัญในบีทรูทสด 100 กรัม ประกอบด้วย
- พลังงาน 44 กิโลแคลอรี่
- โฟเลต: 20% ของความต้องการใน 1 วัน
- แมงกานีส: 14% ของความต้องการใน 1 วัน
- ทองแดง: 8% ของความต้องการใน 1 วัน
สรรพคุณที่สำคัญ ๆ
- ช่วยบำรุงเลือด เนื่องจากมีธาตุเหล็ก และทองแดง ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กได้ดียิ่งขึ้น
- มีสาร Betaine ซึ่งเป็น แอนตี้ออกซิเดนท์ ยับยังการเกิดเนื้องอก และเซลล์มะเร็ง
- ช่วยบำรุงตับ และล้างพิษตับ
- ช่วยส่งเสริมการใช้ออกซิเจนของเซลล์
- ช่วยระบบหัวใจ และหลอดเลือด
ข้อควรระวังในการบริโภคบีทรูท
- ผู้ที่มีความดันต่ำ สตรีมีครรภ์ หรือ มีปัญหาเรื่องไต ไม่ควรดื่มน้ำบีทรูทในปริมาณที่เยอะเกินไป
- ไม่ควรรับประทานคู่กับอาหารเสริมประเภทแคลเซียม เนื่องจากมีสารออกซาเลต จะไปกีดขวางการดูดซึมของแคลเซียมได้ อาจทำให้เกิดภาวะนิ่วในไตได้ถ้ากินอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ
สูตรบีทรูทแยกกากสกัดเย็นอร่อย ๆ ประกอบด้วย
- บีทรูท 500 กรัม
- สับปะรด 500 กรัม
สูตรนี้จะได้น้ำประมาณ 600-700 ซีซี
วิธีทำน้ำบีทรูทแยกกากชนิดสกัดเย็น
- ขั้นตอนแรกการเลือกซื้อวัตถุดิบ ถ้าจะให้ดีควรเลือกที่ปลูกจากระบบเกษตรอินทรีย์ ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง หรือ ปุ๋ยเคมี ให้สังเกตจากแพคเกจที่มีตราสัญลักษณ์เกษตรอินทรีย์ หรือ แหล่งที่เชื่อถือได้
- ขั้นตอนที่สอง ให้มาล้างทำความสะอาดด้วยการใช้มือขัด หรือ ใช้ฟองน้ำขัดที่ผิวข้างนอกโดยให้น้ำไหลผ่านประมาณ 1-2 นาที
- ขั้นตอนที่สาม แช่ผงฟู หรือ เบรกกิ้งโซดา 20 นาที
- ขั้นตอนที่สี่ หั่นขั้ว และ ส่วนที่เป็นตำหนิ
- ขั้นตอนที่ห้า ปอกเปลือกนอกออก
- ขั้นตอนที่หก หั่นเป็นชิ้นพอเหมาะ ให้สามารถใส่เครื่องสกัดแยกกากได้
- ขั้นตอนที่เจ็ด นำบีทรูท และ สับปะรดที่หั่นเป็นชิ้นพอเหมาะใส่เครื่องสกัด
จะได้น้ำบีทรูทรสชาติดี แสนอร่อย และยังคุณค่าวิตามินและเอนไซม์ไว้ได้อย่างครบถ้วนเพราะสกัดด้วยวิธี ColdPress
วิธีการดื่ม
ให้ดื่มในปริมาณที่พอเหมาะไม่มากจนเกินไป สำหรับสูตรนี้ปริมาณที่แนะนำต่อวันคือ 150 – 200 ซีซี ไม่ควรรับประทานต่อเนื่องกันทุกวัน ควรทาน 2-3 วัน/ครั้ง ข้อควรทราบก็คือ ปัสสาวะ หรือ อุจจาระ อาจจะมีสีแดงอ่อน ๆ เราเรียกภาวะนี้ว่า บีททูเรีย ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เมื่อหยุดรับประทานจะกลับมาสู่ภาวะปกติ
ติดต่อเรา
Facebook : Juicer Club
Line : @juicerclub
Phone : 02-454-1465